(𝐢𝐟) คามิลไม่ตาย  แต่เอลิซ่าไม่ตื่นแทน

RAW: https://twitter.com/Sekimura_imuya/status/879703737123561472

(T/N: ➀ แปลโดยเรียบเรียงจากโปรแกรมแปลภาษาอีกทีหนึ่ง เนื้อหาอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด, ➁ แปลไม่จบจ้า)


สถานที่แห่งนั้นกล่าวได้ว่าเป็นบ้านเกิดของข้า สำหรับตัวข้าแล้วมันคืออาณาจักรแห่งเหมันต์

บางทีคงเป็นเพราะอารามที่ข้าใช้ชีวิตร่วมกับมารดาเพียงสองเป็นที่ซึ่งขาวโพลนปานกับหิมะ

ข้าจึงมักเหน็บหนาวตลอดเวลานั้น

หนาวเยือกและอ้างว้าง แน่ใจเลยว่า "ข้า" (俺) ถูกแช่แข็งตายในอาณาจักรเหมันต์แห่งนี้แล้ว มาตรแม้นหิมะจะละลาย หมู่เมฆเบาบาง แสงตะวันสาดส่อง แต่นั่นมิได้แตกต่างกันเลย แม้เป็นกองไฟ หิมะก็ไม่เคยจางหายด้วยอำนาจเพลิงที่โชติช่วงชัชวาล แผดเผาเบื้องหน้าข้า

.

ร่างกายที่ถูกแช่แข็งอย่างไม่อาจต้านทานละลายลงในชั่วเวลานั้น

เป็นครั้งแรกในดินแดนแห่งนี้ที่ลมหายใจซึ่งพ่นออกไม่ใช่ไอขาว

มันเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตในฐานะของ "ข้า" (僕)

        .

        .

        .

"......อุ่ก .......อ้า ?"

มันเป็นการตื่นที่เบิกโพลงขึ้น

ข้าประหลาดใจกับภาพที่ได้เห็นและงุนงง อะไรกันน่ะ ?

"รู้สึกตัวแล้วเรอะ ?"

เสียงนั้นดังขึ้น เมื่อข้ามองไปที่ด้านข้าง กุนเธอร์อยู่ที่นั่น

"ท่านกุนเธอร์"

"เฮ้ อย่าลุกขึ้นมา ! ท้องเจ้าแหกนะว้อย"

ท้องเรอะ ? ทำไมข้าถึงจำเรื่องก่อนบาดเจ็บไม่ได้เลยนะ นอกไปจากท้องที่เปิดแล้ว หัวก็ปวดตุบ ข้าขยับแขนของตัวเองเพื่อแตะศีรษะและพบว่ามันถูกพันด้วยผ้าพันแผลกรังเลือด

"ข้าหลับไปนานแค่ไหน ?"

"แทบครึ่งเดือน ข้าคิดว่าเปล่าประโยชน์เสียแล้ว"

"วิเศษ ข้านี่ตายยากชะมัด"

ข้าพูดเสียงเบา ถึงอย่างไรการกล่าวเช่นนั้นก็เป็นอย่างแรกมันก็ต้องห้ามจริง ๆ…...

"แล้ว ซาร์ล่ะ....."

ทันทีที่กระแอมไอ ข้าพลันจดจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

.

.

.

ข้าไปยังป้อมยุกก์เฟน่าเพื่อช่วยซาร์ ตามคำของท่านเอิร์ลเทเรเซีย คลอเดียขี่ราชีออคมายังหมู่บ้านบุกเบิกและถ่ายทอดคำพยากรณ์แก่ข้า

กล่าวว่ามีสัญญาณของความปั่นป่วนในราชอาณาเขตยุกก์เฟน่า

ขณะที่ทหารแห่งราชรัฐเดนเซลกำลังใกล้เข้ามา ย่อมมีสัญญาณการรุกรานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทว่าท่านเอิร์ลเทเรเซียได้บอกกล่าวกับพวกเราถึงคำพยากรณ์ นั่นหมายถึงนิมิตของอนาคตที่เลวร้ายยิ่งกว่าจินตนาการ

เพื่อปกป้องคนคนเดียว ข้าตัดสินใจที่จะไปยังยุกก์เฟน่า

คลอเดียที่สมควรกลับไป และเจ้าหมาป่ามังกรหนุ่มต่างคิดอย่างเดียวกัน

การตัดสินใจปกป้องเจ้านายของตน การไปยังสถานที่แห่งนั้นเพื่อเผชิญกับเทพแห่งความตายและความสับสน ย่อมเป็นสิ่งสามัญที่สมควรกระทำ

.

ดังนั้น ในตอนที่ข้าเห็นร่างเล็กร่วงหล่นจากหลังคาป้อม ข้าคิดว่าหัวใจของข้าหยุดเต้น

หากข้าไม่ได้พบชายที่ขี่พี่น้องของราชีออค หากเขาไม่ได้หยิบยื่นมือให้ บางทีข้าอาจมาถึงไม่ทันการณ์แล้ว

ตอนที่ข้าได้รับรู้ว่านางปลอดภัย ข้าคิดว่าดีจริง ๆ ข้าที่ยังมีชีวิตอยู่

นั่นหมายถึงข้าไม่ได้ตายโดยไร้ค่า ไม่มีสิ่งใดที่ผิดพลาดกับการมายังที่นี่

        .

สถานการณ์สงครามที่ยุกก์เฟน่าเลวร้ายลงทุกที ด้วยศพแล้วศพเล่าระนาดเป็นสุสานกองพะเนิน

ทำไมถึงมีสัตว์อสูรที่นี่ ? เกิดอะไรขึ้น ? นี่คือความปั่นป่วนในคำพยากรณ์อย่างนั้นหรือ ?

ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน จำนวนของข้าศึกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการสูญเสียที่มากขึ้นและมากขึ้น เปลวเพลิงและทหารข้าศึก รวมถึงอสูรเวทย์ที่ไล่ล่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนีภายในอาคารที่ไม่รู้จัก

.

ข้าจับด้ามดาบมั่นสะบัดบั้นความตาย อ้า อันที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าตั้งใจจะเปิดเผยเลย ข้าพยายามที่จะไม่ใช้มัน .... หากว่าเป็นไปได้

ฆ่า ฆ่า ฆ่าให้ย่อยยับ โดยปราศจากความนึกคิดและไร้ซึ่งความรู้สึกใด เพียงเพื่อหลบหนีไปยังที่ใดสักแห่ง เพียงเพื่อการคงอยู่ของผู้ที่อยู่ในอ้อมแขน

ชั่วขณะนั้นที่ข้าติดกับดักของอสูรป่า ข้าเสียใจ สำนึกบาป และจำนน

.

ทว่าข้ายังคงมีชีวิต

ข้าสามารถเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง

ตราบที่ข้ายังมีลมหายใจ ข้าก็สามารถ "คืนชีพ" ได้มากครา

เพราะชีวิตของข้าอยู่ในกำมือของนาง

.

.

.

นั่นแหละ

ทั้งหมด

ข้าตระหนักได้ถึงความผิดพลาด หลังจากกลับมายังคฤหาสน์โกลเด้นฮิลล์

"ซาร์ ? .....ท่านเอลิซ่า ?"

ร่างไม่ไหวติงทอดตัวนิ่งเบื้องหน้าข้า

ผิวซีดไร้เลือด แก้มอวบอูมตอกย้ำถึงซากศพ

ใช่ – ซากศพ ซาร์...... ข้ามีชีวิต แต่นายท่านของข้าสิ้นชีพ

.

พละกำลังมลายหายจากกายข้า

สูญแล้วซึ่งเปลวเพลิงแห่งชีวิตเพื่อดำรงในอาณาจักรเหมันต์อันเหน็บหนาวแห่งนี้

.

ข้าตระหนักถึงความโง่เขลา สาปส่งความไร้ความสามารถของตัวเอง ข้ามีชีวิตได้ด้วยความอบอุ่นจากไฟของนาง ข้าซึ่งรู้สึกอุ่นใจจากไฟของนาง ความหวังผันเปลี่ยนเป็นเสือกแทงตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในยามนี้

.

ครั้งที่ซาร์ตัดสินใจตีตัวห่าง ข้าควรจะยับยั้ง

อย่าทอดทิ้งไป พร่ำรำพันว่าข้าไม่อาจอยู่ต่อได้ อดีตที่ไม่เปิดเผยแก่ผู้ใดจะขานไขให้ฟัง

ข้าเชื่อในตัวมนุษย์เมื่อเคียงข้างนาง ข้าเพียงมีความคิดต้องปกป้องนางด้วยกำลังของตัวข้า  หาใช่การพึ่งพา เพียงเพื่อนำมาซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจ​จากนางนอกเหนือไปจากสิ่งใด

.

เพราะข้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากเปลวไฟนี้

.

แต่ละคราที่ข้าสังหาร ข้าเสียใจที่ต้องเห็นซาร์ในแขนแปดเปื้อนไปด้วยห่าเลือด

ถึงแม้จะเปรอะเปื้อน​ตั้งแต่ต้น แต่มันเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น ทั้งร่างถูกย้อมไปด้วยสีคล้ำโสโครก

โอ้ ข้าต้องการปกป้องเจ้า ไม่ใช่ให้เป็นแบบนี้หรอกนะ

เด็กน้อยหัวรั้นที่หยัดยืนอย่างเยือกเย็นได้ไม่ว่าจะมีการหลั่งเลือดสักเพียงใด ความงามที่ไม่ด่างพร้อยไป แม้ว่าจะมีร่องรอยบาดแผลหรือคราบโสมมก็ตาม ข้าถูกดึงดูดด้วยสิ่งนั้น ข้าหลงใหลมัน และนั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องการปกป้อง

ข้าไม่ควรคิดว่ามันจะไม่มีวันแตกสลาย

        

.

กลับเป็นเหน็บหนาวอีกครา

ทว่าข้ายังไม่ตาย

เปลวไฟอาจดับมอด ทว่าเถ้าถ่านคุแดงยังหลงเหลือที่นั่น

ข้าไม่อาจยอมแพ้ต่อเปลวไฟที่ยังกรุ่นนั้น ความอบอุ่นอันน้อยนิดของเถ้าถ่านที่หลงเหลือโดยมินำพาตัวข้าซึ่งถูกกลบฝังภายใต้หิมะ

ซาร์ผู้หลับใหลหงุบลงที่ข้างกาย

ตื่นสิ ซาร์ ตื่นขึ้นมาเถอะ ท่านเอลิซ่า มันหนาวนะ ข้าแทบจะแข็งตายอยู่แล้ว

.

..

(...หลังจากนั้นท่านเอิร์ลก็มาคุยกับคามิลบางอย่าง แต่ดำน้ำไม่รู้เรื่องแล้วค่า  ┐(°﹃°)┌)